Oxygen ออกซิเจน จากที่เราได้ทราบกันดีว่าออกซิเจน Oxygen เป็นส่วนสำคัญในการดำรงษ์ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ และมีส่วนประกอบในอากาศ Air มากเป็นอันดับสองรองจากไนโตรเจน Nitrogen ซึ่งออกซิเจน Oxygen จะมีระดับความเข้มข้มในอากาศที่ 20.9% และไนโตรเจน nitrogen ที่ 78% คุณสมบัติทางฟิสิกส์ของออกซิเจน Oxygen ในสถานะปกติออกซิเจน Oxygen เป็นก๊าซ Gas ที่ไม่มีสี ไม่มีกลิ่นและไม่มีรส หนักกว่าอากาศเล็กน้อยและละลายน้ำได้เล็กน้อย ความหนาแน่นของออกซิเจน คือ 1.43 g/litter ความหนาแน่นของอากาศ Air คือ 1.29 g/litter เมื่อลดอุณหภูมิให้ต่ำลง ออกซิเจน Oxygen จะกลายเป็นของเหลว สีฟ้าอ่อน ที่ -182.5 องศาเซลเซียล และถ้าลดอุณหภูมิลงอีก จะกลายเป็นของแข็ง สีฟ้าอ่อน มีจุดเยือกแข็งที่ -218.4 องศาเซลเซียส คุณสมบัติทางเคมีของออกซิเจน Oxygen เป็นธาตุที่สามารถทำปฏิกิริยากับธาตุต่างๆ ปานกลางในอุณหภูมิปกติ และจะมีปฏิกิริยามาขึ้นเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ออกซิเจน Oxygen สามารถทำปฏิกิริยากับธาตุต่างๆ เกือบทั้งหมด ให้สารประกอบเรียกว่า Oxides ปฏิกิริยาระหว่างออกซิเจน Oxygen กับสารอื่นเราเรียกว่าออกซิเดชั่น (oxidation) ออกซิเดชั่น (Oxidation) หมายถึงกระบวนการที่มีการเติมออกซิเจน oxygen หรือหมายถึงการลดทอน electron หรือการเพิ่ม oxidation number การเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชั่น เกิดได้ดังเช่น • การสันดาป Combustion หมายถึงขบวนการที่สารจำพวกเชื้อเพลิงทำปฎิกิริยากับออกซิเจน oxygen จนเกิดเป็น oxide มีความร้อนและพลังงาน เกิดขึ้น เช่น การเผาไหม้ • การระเบิด Explosion คือขบวนการสันดาปที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว • การหายใจ คือขบวนการนำออกซิเจน oxygen เข้าไปในร่างกายเพื่อไปทำให้เกิดปฏิกิริยากับสารอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมันและโปรตีน ทำให้เกิดคาร์บอกไดออกไซด์ น้ำ และพลังงาน • การฟอกจาง คือขบวนการที่เติมออกซิเจน oxygen ให้กับสารบางตัวในโรงงานอุตสาหกรรมจำพวกสิ่งทอ Textile • การเกิดสนิม คือออกซิเจน oxygen ทำปฎิกริยากับเหล็กอย่างช้าๆ โดยมีไอน้ำ water เป็นตัวร่วม ทำปฎิกิริยาทำให้เกิดเหล็กออกไซด์เป็น ferrous oxide จนกระทั่งเป็นสนิม ผลกระทบจากออกซิเจน Effect from Oxygen ตามที่ได้แจ้ง อากาศที่เราหายใจประกอบด้วยออกซิเจน Oxygen 20.9% ถ้าปราศจากก๊าซออกซิเจน Oxygen เราจะตายภายในไม่กี่นาที แต่นอกเหนือจากการดำรงษ์ชีวิตของมนุษย์โดยออกซิเจน Oxygen แล้ว การเกิดปฏิกิริยารุนแรงโดยเกิดโดยตรงจากออกซิเจน Oxygen ก็มักพบได้จากที่ออกซิเจน Oxygen ทำปฎิกิริยาเองอย่างรุนแรง เช่นในกรณีที่สถานที่นั้นๆ มีค่าออกซิเจน Oxygen สูงกว่าค่าปกติเช่นอาจสูงเกินกว่า 24% ออกซิเจน Oxygen อาจจะลุกติดไฟได้ง่าย เกิดความร้อนสูงกว่าและรุนแรง กว่าในอากาศปกติและยากในการดับไฟ การรั่วของก๊าซออกซิเจนจากวาล์วหรือท่อนำก๊าซในห้องที่มีการระบายอากาศไม่ดีหรือในที่อับอากาศ จะทำให้ความเข้มข้นของก๊าซออกซิเจน Oxygen เพิ่มขึ้นอย่าง รวดเร็วจนถึงระดับที่เป็นอันตราย
สาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้และเกิดการระเบิดในขณะปฎิบัติงานมีดังนี้ • ปริมาณก๊าซออกซิเจน Oxygen ในอากาศเพิ่มขึ้นจากการรั่วของอุปกรณ์ • ใช้วัสดุที่เข้ากันไม่ได้กับออกซิเจน Oxygen การป้องกันการเกิดเพลิงไหม้และป้องกันการระเบิดจากการใช้ออกซิเจน Oxygen • ต้องใช้อุปกรณ์ที่ได้ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับใช้กับออกซิเจน Oxygen • ต้องใช้งานอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับออกซิเจนให้ถูกต้องหรือระมัดระวัง และควรได้รับการอบรม • ใช้อุปกรณ์สำหรับตรวจจับออกซิเจน Oxygen เช่น เครื่องวัดออกซิเจนแบบพกพา Portable Oxygen Detectors และเครื่องวัดออกซิเจนแบบอยู่ประจำที่ Oxygen Analyzers • ต้องมีการระบายอากาศที่ดี • อย่าใช้ออกซิเจน Oxygen ในการเป่าหรือขจัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าหรือเครื่องจักร • อย่าใช้ปริมาณออกซิเจน Oxygen มากเกินไปในงานตัดเชื่อม • คอยตรวจสอบจุดรั่วไหลต่างๆ ในบริเวณหน้างาน เช่นท่อ หรือข้อต่อต่างๆ ที่นำพาออกซิเจน Oxygen • ไม่ควรนำท่อบรรจุก๊าซออกซิเจน Oxygen ลงไปในที่อับอากาศ ควรใช้ท่อนำก๊าซต่อเข้าไปแทน • ไม่ควรใช้ออกซิเจน Oxygen ในการติดเครื่องยนต์ดีเซล • ไม่ควรใช้ออกซิเจน Oxygen เติมลมยาง • ไม่ควรใช้ออกซิเจน Oxygen ในอุปกรณ์ที่ใช้ลมในการขับเคลื่อน • ต้องเก็บท่อออกซิเจน Oxygen ให้ห่างจากก๊าซไวไฟอย่างน้อย 20 ฟุต หรือแยกพื้นที่เก็บโดยกั้นด้วยกำแพงทนไฟสูงอย่างน้อย 5 ฟุต • ห้ามเก็บไขและน้ำมันใกล้กับออกซิเจน Oxygen และห้ามทาไขหรือน้ำมันบนข้อต่อท่อบรรจุก๊าซ • ควรใช้รถเข็นที่ออกแบบมาสำหรับเคลื่อนย้ายถังออกซิเจน Oxygen โดยเฉพาะ • ควรมีโซ่หรืออุปกรณ์จับยึดท่อออกซิเจน Oxygen กันล้ม • ควรมีอุปกรณ์ดับเพลิงอยู่ใกล้ถังบรรจุออกซิเจน Oxygen • ควรทำทางออกฉุกเฉินสำหรับพื้นที่ที่ต้องการ การป้องกันอย่างสูง
http://www.orangeth.com/Gasdetectors
ชอบบทความนี้กด Like ด้านบน เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานด้วยนะคะ
|